อาชีพทำนา

ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ” คำนี้ทุกคนเคยได้ยินกันมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมศึกษาแล้วใช่ไหมคะ อาชีพนี้เป็นอาชีพที่บุคคลทั่วไปคิดว่าลำบากเพราะต้องออกไปตากแดดตากฝนทั้งวัน และดูเหมือนว่าเด็กๆ รุ่นใหม่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับอาชีพนี้สักเท่าไหร่


แต่สำหรับผู้เขียนเองเคยคิดว่าคนที่ทำอาชีพนี้ได้ต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ เลยที่จะสามารถทำอาชีพนี้ได้ เพราะเป็นอาชีพที่มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากถ้าไม่มีคนทำนา เราก็จะไม่มีข้าวทานกัน และคนที่ทำอาชีพนี้ต้องออกไปตากแดดตากฝนทั้งวันและเมื่อตากแดดร้อนๆ นี้แหละทำให้เราหลายคนไม่อยากที่จะทำอาชีพทำนาทำนา

พ่อเคยเล่าว่า “เมื่อก่อนการทำนานั้นต้องใช้รถไถนา กว่าจะไถเสร็จก็ปาไปเกือบตั้งครึ่งเดือนแหนะ (สำหรับคนที่ทำนาเยอะๆ) ไหนต้องรอใส่ปุ๋ยใส่ยาไม่มีวันหยุดให้ได้พักผ่อนเลยและเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็เหนื่อยแบบสายตัวแทบขาดเลยทีเดียว เพราะไหนจะต้องออกไปเกี่ยวข้าวในนาแล้วยังต้องนำมานวดเพื่อให้เป็นเมล็ดข้าวเปลือกนำไปขาย กว่าจะได้เงินแต่ละครั้งมันต้องใช้เวลามากเลยทีเดียว บางคนถึงกับพูดว่ากว่าจะได้เงินก็แทบขาดใจเลยแหละ”

แต่ชาวนาที่ทำนาในปัจจุบันได้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะได้มีเครื่องทุ่นแรงเข้ามาช่วยหลายอย่าง เช่น มีรถตีดิน ที่เข้ามาทุ่นระยะเวลาในการทำนาในปัจจุบันเป็นอย่างมาก และยังมีเครื่องใส่ปุ๋ยใส่ยาทำให้ไม่เสียเวลาเหมือนแต่ก่อน เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวยังมีรถเกี่ยวมาคอยเกี่ยวแบบเสร็จเป็นข้าวเปลือกเลยไม่ต้องนำมานวดเหมือนสมัยก่อน

พ่อของผู้เขียนเองก็มีอาชีพทำนาเหมือนกันทำอยู่ประมาณ 30 ไร่เห็นจะได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อก่อนจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านสักเท่าไหร่นักวันๆ นึงก็ออกไปอยู่กลางทุ่งนากว่าจะกลับมาก็ตะวันตกดินแล้ว พ่อยังเคยเล่าให้ฟังว่าอีกว่า “อาชีพทำนานี่ลำบากนักเพราะต้องสู้กับพ่อค้าคนกลางที่มาซื้อข้าวเปลือกเราเพราะว่าเขาจะกดราคาข้าวเรามากบางครั้งก็อ้างว่าความชื้นสูง บ้างก็อ้างว่าข้าวพันธุ์นี้ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดทำให้ทำนาแต่ละครั้งจะได้ผลตอบแทนไม่ค่อยดีนัก และถ้าครั้งไหนที่ให้ราคาดีๆ เขาก็จะขึ้นราคาค่าปุ๋ย ค่ายา ที่เรานำมาใส่ข้าว “

ปัจจุบันแนวความคิดในการทำนาได้เปลี่ยนไปเพราะว่าสมัยนี้การทำนาเป็นเรื่องที่สะดวกและสามารถหาอาชีพเสริมมาหารายได้อีกทางหนึ่งด้วย พ่อผู้เขียนเองก็ยังทำอาชีพทำนาไปด้วยและทำงานประจำควบคู่ไปด้วย เพราะทำนาในปัจจุบันไม่ค่อยเหนื่อยเหมือนแต่ก่อนพอถึงวันหยุดหรือวันว่างจากงานประจำก็ถึงจะออกไปดูนา ใส่ปุ๋ย ใส่ยาให้กับข้าวในนา และถ้ามีเวลาเหลือในตอนเช้าก่อนออกไปทำงานประจำก็จะเดินออกไปดูนาสักรอบนึงเผื่อว่าจะมีแมลงที่มาทำลายข้าวและจะได้ป้องกันได้ทัน

อาชีพทำนาเป็นอาชีพที่อิสระ ได้อยู่กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เวลาได้ออกไปนาก็จะได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจรู้สึกสดชื่นและมีพลังที่จะทำงานมากขึ้น